ลดอุณหภูมิบ้านด้วยฟิล์มกรองแสง ประหยัดค่าไฟจากแอร์มากกว่าที่คิด
เมื่อพูดถึงฟิล์มกรองแสง คนบางส่วนอาจนึกถึงฟิล์มมือถือหรือฟิล์มติดหน้าจอโน็ตบุ๊ค ที่จะช่วยกรองแสงสีฟ้าซึ่งส่งผลเสียต่อดวงตา แต่รู้หรือไม่ว่าด้วยสภาพอากาศและแสงแดดภายในประเทศไทยที่ทราบกันดีว่าร้อนแรงแบบสุด ๆ เรียกได้ว่าแม้แต่อยู่ในที่ร่มก็ยังไม่สามารถหลีกหนีความร้อนระอุได้พ้น จึงทำให้มีการคิดค้นฟิล์มกรองแสงขึ้นเพื่อเป็นทางออกให้กับปัญหานี้ด้วยเช่นกัน
เนื่องจากแสงแดดและความร้อนสามารถส่งผลเสียได้มากมาย ทั้งมะเร็งผิวหนัง ฮีทสโตรก โรคทางสายตาต่าง ๆ เฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านเสียหาย รวมไปถึงค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากการใช้เครื่องปรับอากาศ การใช้ บริการติดฟิล์มกรองแสง จึงได้รับความนิยมกันเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นฟิล์มกรองแสงบ้าน ฟิล์มกรองแสงคอนโด ฟิล์มกรองแสงอาคารสำนักงาน หรือฟิล์มกรองแสงรถยนต์ เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
สำหรับใครที่ยังไม่ได้ติดฟิล์มกรองแสงที่บ้าน และยังไม่รู้ว่าฟิล์มกรองแสงมีประโยชน์มากแค่ไหน และถ้าหากต้องการติดฟิล์มกรองแสง ควรจะเลือกแบบใดหรือเลือกอย่างไรให้เหมาะสมกับบริเวณที่ต้องการ ที่นี่เราได้รวบรวมทุกคำตอบมากให้คุณแล้ว
ทำไมต้องติด “ฟิล์มกรองแสง”
เมื่อพูดถึงฟิล์มกรองแสงแล้ว ผู้คนส่วนมากมักจะเข้าใจว่าสิ่งที่ได้จากการติดฟิล์มกรองแสงนั้นมีเพียงการป้องกันแสงแดดและลดอุณหภูมิเท่านั้น ทำให้ผู้คนบางส่วนที่ไม่ได้มีจุดประสงค์หลักคือการลดอุณหภูมิหรือลดความจ้าจากแสงแดดภายในตัวบ้าน พลาดโอกาสที่จะได้รับประโยชน์ในด้านอื่น ๆ ของฟิล์มกรองแสงไป
ฟิล์มกรองแสง สำคัญกว่าที่คิด
แสงแดดที่มาจากดวงอาทิตย์ไม่เพียงแค่มีรังสี UV ที่สามารถส่งผลเสียต่อสุขภาพเท่านั้น แต่ยังมาพร้อมกับอากาศร้อน ๆ ที่อาจทำให้หงุดหงิดง่ายหรือส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงาน ซึ่งฟิล์มกรองแสงนั้นสามารถช่วยลดได้ทั้งรังสี UV ที่ลอดผ่านมาทางกระจกและอุณหภูมิความร้อนภายในบ้าน จึงหมดกังวลเรื่องผลเสียที่จะได้รับจากแสงแดดและความร้อนได้เลย รวมถึงเมื่ออุณหภูมิภายในบ้านลดลง ก็ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายจากการใช้งานเครื่องปรับอากาศอีกด้วย
นอกจากนี้อันตรายที่เกิดจากการแตกของกระจกก็สามารถลดหรือป้องกันการบาดเจ็บด้วยการติดฟิล์มกรองแสงได้เช่นกัน และถ้าหากต้องการเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับคนในบ้าน ฟิล์มกรองแสงก็มีแบบสีเข้มหรือสีปรอทให้เลือกติดตั้งได้ตามความต้องการ
ประโยชน์ของฟิล์มกรองแสง
เพื่อให้ผู้ที่กำลังสนใจสามารถตัดสินใจง่ายมากขึ้น ว่าควรติดฟิล์มกรองแสงดีหรือไม่ และประโยชน์ที่จะได้รับนั้นมีความคุ้มค่ามากแค่ไหน หัวข้อนี้เราจึงจะมาบอกประโยชน์ที่มีอยู่มากมายของฟิล์มกรองแสงกัน
- ป้องกันผลเสียต่อร่างกายที่มาจากรังสี UV ในแสงแดด ไม่ว่าจะเป็นมะเร็งผิวหนัง เซลล์เม็ดเลือดขาวเกิดความเสียหาย หรือการที่คอลลาเจนในเซลล์ผิวหนังถูกทำลาย รวมไปถึงโรคทางสายตาต่าง ๆ เช่น กระจกตาอักเสบ ต้อกระจก หรือต้อลม
- ลดอุณหภูมิภายในบ้าน อาคาร หรือรถยนต์ ให้ต่ำหรือเย็นลง ช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายจากอากาศร้อน เช่น ฮีทสโตรก เป็นลมแดด อ่อนเพลียหน้ามืด หรือเป็นตะคริวจากความร้อนและการขาดน้ำของร่างกาย
- ประหยัดค่าใช้จ่ายหรือค่าไฟจากการใช้งานเครื่องปรับอากาศ เนื่องจากฟิล์มกรองแสงทำให้อุณหภูมิภายในบ้านลดต่ำลงได้นั่นเอง
- ลดความรุนแรงหรือป้องกันการบาดเจ็บที่สามารถเกิดขึ้นได้จากการแตกของกระจก เนื่องจากฟิล์มกรองแสงที่ติดไว้จะช่วยยึดกระจกไว้ด้วยกัน ทำให้เมื่อกระจกแตกแล้วไม่กระจายออกเป็นชิ้น ๆ ซึ่งอาจทำให้เกิดอันตรายต่อผู้ที่อยู่ในบริเวณนั้นได้
- เพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับผู้คนภายในบ้านหรืออาคารได้โดยที่ไม่บดบังทัศนวิสัยภายนอก (กรณีที่ติดฟิล์มกรองแสงสีเข้ม สีดำ หรือสีปรอท)
- ลดความจ้าของแสงแดดที่ส่งผลให้มีอาการแสบตาหรือเกิดอาการตาพร่า โดยจะขึ้นอยู่กับระดับความเข้มของฟิล์มกรองแสงที่เลือกติดตั้ง
- ป้องกันไม่ให้เฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านหรือพื้นปาร์เก้ที่ต้องเผชิญกับแสงแดดโดยตรงนั้นเสื่อมสภาพเร็วกว่าที่ควรจะเป็น
ฟิล์มกรองแสง มีประเภทใดบ้าง
ก่อนที่จะติดฟิล์มกรองแสงก็ควรได้ทำความรู้จักกับฟิล์มกรองแสงประเภทต่าง ๆ เสียก่อน เพื่อให้สามารถเลือกและติดตั้งฟิล์มกรองแสงที่มีคุณสมบัติตรงตามที่ใจต้องการ รวมถึงสามารถเลือกได้อย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการติดฟิล์มกรองแสงบ้าน ติดฟิล์มกรองแสงคอนโด หรือติดฟิล์มกรองแสงอาคาร
1. ฟิล์มกรองแสงปรอท
ฟิล์มกรองแสงประเภทปรอทเป็นฟิล์มกรองแสงที่มีค่าการสะท้อนแสงมากกว่าฟิล์มกรองแสงประเภทอื่น ๆ ซึ่งมีคุณสมบัติสะท้อนความร้อนออกด้วยสารโลหะ โดยฟิล์มกรองแสงปรอทนั้นค่อนข้างได้รับความนิยมทีเดียว เพราะนอกจากป้องกันความร้อนได้ดีเยี่ยมแล้ว ยังสามารถเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับบ้านของคุณได้อีกด้วย
2. ฟิล์มกรองแสงดำ
ฟิล์มกรองแสงดำเป็นฟิล์มกรองแสงที่มีค่าแสงสว่างส่องผ่านต่ำกว่าฟิล์มกรองแสงประเภทอื่น ๆ หรือก็คือช่วยลดแสงสว่างจากภายนอกนั่นเอง แต่ฟิล์มกรองแสงดำจะช่วยป้องกันความร้อนได้ไม่มากเท่าไหร่นัก ยกเว้นมีการเคลือบสารกันรังสีเพิ่มเติม
3. ฟิล์มกรองแสงใส
ฟิล์มกรองแสงใสเป็นฟิล์มกรองแสงที่ไม่มีความทึบแสง โปร่งใส ไม่รบกวนการมองเห็น จึงทำให้ฟิล์มกรองแสงใสเหมาะสำหรับติดบนกระจกร้านค้าหรือร้านอาหาร ส่วนคุณสมบัติในการป้องกันความร้อนนั้นมีเพียงไม่มาก เนื่องจากไม่มีการเคลือบสารกันรังสีไว้ แต่ในปัจจุบันนี้ก็มีฟิล์มกรองแสงใสที่เคลือบสารต่าง ๆ เพื่อเพิ่มคุณสมบัติป้องกันความร้อนอยู่เช่นกัน
4. ฟิล์มกรองแสงเซรามิค
ฟิล์มกรองแสงเซรามิคเป็นฟิล์มกรองแสงที่มีการเคลือบเซรามิคอนุภาคเล็ก ซึ่งมีคุณสมบัติในการกรองแสงและรังสีต่าง ๆ แข็งแรงทนทาน ป้องกันความร้อนได้ดี แถมยังเพิ่มความเป็นส่วนตัวโดยที่ไม่สูญเสียทัศนวิสัยจากภายใน
ติดฟิล์มกรองแสงบ้าน คอนโด อาคาร เลือกอย่างไรดี
การติดฟิล์มกรองแสงนั้นจำเป็นต้องคำนึงถึงสิ่งต่าง ๆ มากมาย เพื่อให้การติดฟิล์มกรองแสงสามารถตอบโจทย์หรือตรงความต้องการได้มากที่สุด ดังนั้นในหัวข้อนี้เราจะพามาแนะนำกันว่าควรเลือกติดฟิล์มกรองแสงอย่างไรให้เหมาะสมตรงใจ
ติดฟิล์มกรองแสงบ้าน ต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง
การติดฟิล์มกรองแสงบ้านค่อนข้างที่จะเลือกใช้ฟิล์มกรองแสงได้อย่างอิสระ (ภายใต้กฎหมายกำหนด) ไม่ว่าจะเป็นสี การสะท้อนแสง ความเข้มทึบของฟิล์มกรองแสง รวมไปถึงเปอร์เซ็นต์คุณสมบัติอื่น ๆ อีกมากมาย แต่การจะเลือกติดฟิล์มกรองแสงบ้านได้ตรงใจนั้นก็จำเป็นต้องคำนึงถึงสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้
- บริเวณที่ต้องการติดตั้ง
สิ่งสำคัญอันดับแรกที่ต้องคำนึงถึงเมื่อจะเลือกติดฟิล์มบ้านก็คือ บริเวณหรือตำแหน่งที่ต้องการติดฟิล์มกรองแสงนั่นเอง เช่น กระจกหน้าบ้าน กระจกห้องนอน กระจกบริเวณห้องรับแขก หรือกระจกที่หันหน้าไปในทิศทางที่แสงแดดส่องอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้สามารถเลือกฟิล์มกรองแสงได้อย่างเหมาะสม และรู้ว่าควรเน้นไปที่คุณสมบัติในด้านใด
- การใช้งานที่ต้องการ
เมื่อรู้อย่างชัดเจนแล้วว่าจะเลือกติดฟิล์มกรองแสงบริเวณใดของบ้านแล้ว สิ่งต่อไปที่ต้องคำนึงนั่นก็คือการใช้งานที่ต้องการจากฟิล์มกรองแสงที่ติดตั้งในบริเวณนั้น ๆ เพื่อให้การติดฟิล์มกรองแสงสามารถตอบโจทย์การใช้งานได้ตรงจุด เช่น เลือกติดฟิล์มกรองแสงปรอทในบริเวณที่ต้องการความเป็นส่วนตัว หรือเลือกติดฟิล์มกรองแสงที่สามารถกันความร้อน และสะท้อนแสงได้ดีในบริเวณที่มีแสงแดดส่องอยู่ตลอดเวลาหรือร้อนจัด
- ความเข้มของฟิล์มกรองแสง
ฟิล์มกรองแสงโดยทั่วไปจะมีระดับความเข้มอยู่ 3 ระดับ ได้แก่ 40%, 60% และ 80% ยิ่งเปอร์เซ็นความเข้มของแสงมีมากเท่าไหร่ สีของฟิล์มกรองแสงก็จะยิ่งมีสีดำมากเท่านั้น ซึ่งส่งผลต่อการป้องกันความร้อน รวมถึงความเป็นส่วนตัวด้วยเช่นกัน
- ค่าแสงสว่างส่องผ่าน
ค่าแสงสว่างส่องผ่านเองก็มีการบอกเป็นเปอร์เซ็นเช่นเดียวกัน โดยเปอร์เซ็นนี้จะบอกถึงปริมาณแสงสว่างที่สามารถส่องผ่านฟิล์มกรองแสงเข้ามาได้ ซึ่งหมายความว่ายิ่งเปอร์เซ็นค่าแสงสว่างส่องผ่านต่ำมากเท่าไหร่ ฟิล์มกรองแสงก็จะยิ่งทึบและมืดมากเท่านั้น
- ค่าการสะท้อนแสง
เปอร์เซ็นการสะท้อนแสงที่แตกต่างกันของฟิล์มกรองแสงจะสามารถสังเกตได้จากความเงาบนพื้นผิว และยิ่งถ้ามีเปอร์เซ็นมาก ฟิล์มกรองแสงก็จะยิ่งเงาหรือสะท้อนจนดูคล้ายกับกระจกมากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งในประเทศไทยจะมีกฎหมายกำหนดเอาไว้ว่าค่าการสะท้อนแสงไม่ควรเกิน 30%
ติดฟิล์มกรองแสงคอนโด ต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง
การติดฟิล์มกรองแสงคอนโดนั้นจะมีเงื่อนไขที่ยิบย่อยมากกว่าการติดฟิล์มกรองแสงบ้าน เนื่องจากคอนโดแต่ละแห่งก็จะมีกฎการติดฟิล์มกรองแสงที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นการสะท้อนแสงหรือความเข้มของฟิล์มกรองแสง ซึ่งจำเป็นต้องสอบถามเรื่องกฎระเบียบการติดฟิล์มกรองแสงกับทางนิติบุคคลของคอนโดเพื่อให้รู้เปอร์เซ็นต์คุณสมบัติของฟิล์มกรองแสงที่กำหนดไว้เสียก่อน หลังจากนั้นจึงค่อยคำนึงถึงสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ในการเลือกติดฟิล์มคอนโดให้ตรงใจ
- ประเภทของฟิล์มกรองแสง
โดยส่วนใหญ่แล้วการติดฟิล์มกรองแสงคอนโดจะค่อนข้างเคร่งมากในเรื่องของการติดฟิล์มที่สะท้อนแสง ดังนั้นสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มความเป็นส่วนตัวหรือลดอุณหภูมิภายในห้อง ก็อาจเลือกติดฟิล์มกรองแสงเซรามิกหรือฟิล์มกรองแสงสีดำแทนการติดฟิล์มกรองแสงปรอท
- ทิศทางของห้อง
ทิศทางของห้องหรือทิศทางของหน้าต่างภายในห้องก็เป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงเช่นกัน เพื่อให้สามารถเลือกติดฟิล์มกรองแสงได้เหมาะสมกับการใช้งานหรือการส่องของแสงแดดในบริเวณนั้น ๆ
- ความเข้มฟิล์มกรองแสง
สำหรับคอนโดบางแห่งนั้นนิติบุคคลอาจมีกฎระเบียบการติดฟิล์มกรองแสงไว้ว่าไม่ควรมีความเข้มเกิน 60% ทำให้ไม่สามารถเลือกติดฟิล์มกรองแสงที่มีความเข้มมากกว่า 60% ได้ นอกจากนี้การติดฟิล์มกรองแสงที่มีความเข้มมากไปยังจะทำให้ภายในห้องค่อนข้างมืดและดูแคบลงได้อีกด้วย
ติดฟิล์มกรองแสงอาคาร ต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง
แม้ว่าการติดฟิล์มกรองแสงอาคารจะไม่ได้มีกฎระเบียบมากมายเหมือนกันการติดฟิล์มกรองแสงคอนโด แต่ก็อาจมีความยากลำบากในการติดตั้งจากรูปแบบหรือโครงสร้างของอาคารได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นความสูงหรือบริเวณที่เข้าถึงได้ยากต่าง ๆ ดังนั้นการติดฟิล์มอาคารจึงต้องคำนึงถึงสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้
- บริเวณที่ติดฟิล์ม ด้านในหรือด้านนอก
ในบางอาคารอาจมีบางบริเวณที่ไม่สามารถติดฟิล์มกรองแสงทางด้านในตัวอาคารได้อย่างสะดวก จึงทำให้บางคนตัดสินใจติดฟิล์มด้านนอกในบริเวณนั้น ๆ แทน ซึ่งถึงแม้ว่าจะสามารถทำได้ แต่การติดฟิล์มกรองแสงด้านนอกตัวอาคารจะไม่ได้ประสิทธิภาพที่ดีเท่าไหร่นัก อีกทั้งยังเสื่อมสภาพเร็วกว่าและอาจส่งผลต่อทัศนวิสัยในกรณีที่ติดฟิล์มกรองแสงปรอทอีกด้วย
- พื้นที่หน้างาน
การติดฟิล์มกรองแสงอาคารสิ่งที่จำเป็นต้องคำนึงถึงก่อนตัดสินใจเลยก็คือพื้นที่หน้างานหรือบริเวณต่าง ๆ ในอาคารที่ต้องการติดฟิล์มกรองแสงนั่นเอง เนื่องจากการต่อเติมตกแต่งหรือการเลือกใช้วัสดุขอบหน้าต่างก็อาจส่งผลให้การติดฟิล์มกรองแสงค่อนข้างยากลำบากเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น การติดตั้งเหล็กดัดบริเวณหน้าต่างหรือกระจกที่ต้องการติดฟิล์มกรองแสง หรือการติดฟิล์มกรองแสงที่หน้าต่างขอบไม้
แนะนำบริการติดฟิล์มกรองแสง โดยช่างมืออาชีพ
การติดฟิล์มกรองแสงนั้นต้องใช้ความชำนาญค่อนข้างมากทีเดียว เพราะถ้าหากว่าไม่มีประสบการณ์หรือความชำนาญที่มากพอ อาจทำให้ฟิล์มกรองแสงที่ติดตั้งเกิดฟองอากาศและหลุดล่อนในอนาคตได้ ดังนั้นจึงควรคำนึงถึงความชำนาญของช่างที่รับติดฟิล์มกระจกบ้านหรือฟิล์มกรองแสงด้วยเช่นกัน
ซึ่งที่ Q-CHANG มีบริการติดฟิล์มกรองแสงที่สามารถตอบโจทย์ได้อย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นการสำรวจหน้างานด้วยทีมผู้เชี่ยวชาญมืออาชีพที่พร้อมจะให้คำแนะนำประเภทของฟิล์มกรองแสงที่ตรงใจคุณ ฟิล์มกรองแสง Lamina และฟิล์มกรองแสง XTRA-COLE ให้เลือกแบบครบทุกรุ่น ลอกฟิล์มเก่าออกให้ฟรีก่อนทำการติดฟิล์มกรองแสงใหม่ ให้บริการติดฟิล์มกรองแสงในบริเวณที่สูงถึง 4 ชั้นนั่งร้าน รวมไปถึงมีรับประกันการติดตั้งยาวนานถึง 5-7 ปี ให้คุณมั่นใจได้ว่าฟิล์มกรองแสงที่ติดไปแล้วนั้นจะไม่พอง ลอก เปลี่ยนสี หรือหลุดล่อน
หากสนใจสามารถติดต่อได้ที่
- เว็บไซต์ : www.q-chang.com
- LINE Official : @q-chang
- Facebook : Q-CHANG คิวช่าง
สรุปการติดฟิล์มกรองแสง
ฟิล์มกรองแสงมีความสำคัญและจำเป็นอย่างมากในปัจจุบันนี้ เพราะไม่ว่าจะเป็นแสงแดดหรือความร้อน ก็ล้วนแต่รุนแรงทีเดียวซึ่งสามารถส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกาย รวมไปถึงค่าไฟจากการใช้งานเครื่องปรับอากาศก็เพิ่มมากขึ้น จึงทำให้ฟิล์มกรองแสงกลายเป็นตัวช่วยสำคัญในสภาพอากาศอันร้อนแรงนี้ อีกทั้งฟิล์มกรองแสงยังมีประโยชน์อีกหลายอย่าง เช่น การเพิ่มความเป็นส่วนตัว หรือป้องกันการบาดเจ็บจากเหตุกระจกแตก เป็นต้น
ดังนั้นในสภาพอากาศร้อน ๆ แบบนี้ เราควรเลือกใช้ฟิล์มกรองแสงที่เหมาะสมแก่การลดอุณหภูมิภายในบ้าน เพื่อให้เครื่องปรับอากาศไม่ทำงานหนักจนเกินไป ซึ่งจะส่งผลต่อค่าไฟฟ้าที่มาจากอุปกรณ์ไฟฟ้าผลิตความเย็นต่าง ๆ ให้ลดน้อยลง เรียกได้ว่าประหยัดค่าไฟไปได้ไม่น้อยเลยทีเดียว