เปิดแอร์ยังไงให้ประหยัดไฟ

แนะนำวิธีเปิดแอร์ยังไงให้ประหยัดไฟ กินไฟน้อย แต่แอร์เย็นฉ่ำ

เมื่อเข้าสู่ฤดูร้อนของเมืองไทย อุณหภูมิที่พุ่งสูงเกือบ 40 องศาทำให้เครื่องปรับอากาศกลายเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวันของหลายคน แต่การเปิดแอร์เพื่อคลายร้อนก็มาพร้อมกับค่าไฟฟ้าที่พุ่งสูงขึ้นตามไปด้วย หลายคนจึงสังสัยว่าจะเปิดแอร์ยังไงให้ประหยัดไฟ และพยายามหาวิธีเปิดแอร์ให้ประหยัดไฟแต่ยังคงได้ความเย็นสบายตามต้องการ 

การเปิดแอร์แบบประหยัดไฟไม่ได้มีเพียงแค่การตั้งอุณหภูมิให้เหมาะสมเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการดูแลรักษาเครื่องปรับอากาศอย่างถูกวิธี เช่น การล้างแอร์ตามระยะเวลาที่เหมาะสม ซึ่งช่วยให้เครื่องทำงานได้อย่างเต็มที่ วันนี้เราจะมาแนะนำเทคนิคและเคล็ดลับดี ๆ ในการเปิดแอร์แบบประหยัดที่คุณสามารถนำไปปรับใช้ได้จริงเพื่อลดค่าไฟฟ้าและยืดอายุการใช้งานของเครื่องปรับอากาศไปพร้อม ๆ กัน



ทำไมช่วงหน้าร้อนเปิดแอร์ แล้วค่าไฟแพงกว่าปกติ

ช่วงอากาศร้อนจัด หลายคนกลัวค่าไฟแพงมากขึ้นและมักจะโทษการเปิดแอร์เป็นสาเหตุหลัก แต่ความจริงแล้ว แม้จะใช้แอร์ในรูปแบบเดิม ตั้งอุณหภูมิเท่าเดิม ค่าไฟก็ยังสามารถสูงขึ้นได้ เพราะไม่ใช่แค่พฤติกรรมการใช้ที่เปลี่ยนไป แต่เป็นเพราะสภาพแวดล้อมที่ร้อนขึ้นต่างหากที่ทำให้แอร์ต้องทำงานหนักกว่าเดิม 

เมื่ออุณหภูมิภายนอกสูงขึ้น แอร์ต้องใช้พลังงานมากขึ้นเพื่อรักษาระดับความเย็นภายในห้องให้ได้ตามที่เราตั้งไว้ ตัวอย่างเช่น เมื่ออุณหภูมิภายนอกเพิ่มขึ้นเพียง 1 องศา การใช้พลังงานของแอร์จะเพิ่มขึ้นถึง 3% และหากเราลดอุณหภูมิแอร์ลง 1 องศาจากที่เคยตั้ง จะทำให้กินไฟเพิ่มขึ้นถึง 10% เลยทีเดียว

ดังนั้น การรู้วิธีเปิดแอร์ยังไงให้ประหยัดไฟจึงเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อนที่อุณหภูมิภายนอกพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ หากอยากเปิดแอร์ให้ประหยัด ควรเริ่มจากการดูแลและใช้งานแอร์อย่างถูกวิธี รวมถึงปรับสภาพแวดล้อมภายในบ้านให้เอื้อต่อการรักษาความเย็น ซึ่งจะช่วยให้เปิดแอร์ประหยัดไฟมากขึ้น


10 วิธีเปิดแอร์ยังไงให้ประหยัดไฟและไม่ทำให้ค่าไฟสูงขึ้นจนเกินไป

เปิดแอร์แบบไหนประหยัดไฟ
เปิดแอร์แบบไหนประหยัดไฟ

หลายคนหาวิธีเปิดแอร์ยังไงให้ประหยัดไฟ เพราะเนื่องจากมีความจำเป็นที่จะต้องเปิดแอร์ทั้งวัน หรือบางช่วงเวลาเพื่อคลายความร้อนในสภาพอากาศร้อนอบอ้าว แต่ก็กลัวว่าค่าไฟสูงจนรับไม่ไหว ดังนั้น เราได้ทำการรวบรวม 10 วิธีการเปิดแอร์และปรับแอร์ให้ประหยัดไฟต่อในการใช้งาน ดังนี้

1. อย่าเปิดอุณหภูมิต่ำสุดในช่วงเริ่มต้น

เมื่อเปิดแอร์ใหม่ ๆ หลายคนมักจะรีบปรับอุณหภูมิให้ต่ำที่สุดในทันที เพื่ออยากปรับอุณหภูมิภายในห้องให้เย็นเร็วขึ้น แต่นี่เป็นความเข้าใจที่ผิด เพราะการกระทำดังกล่าวจะทำให้คอมเพรสเซอร์ของแอร์ต้องทำงานหนักเกินความจำเป็น หลักการทำงานของเครื่องปรับอากาศ คือการปรับอุณหภูมิภายในห้องให้ได้ตามที่ตั้งไว้ เมื่อมีความแตกต่างระหว่างอุณหภูมิห้องกับอุณหภูมิที่ตั้งไว้มาก แอร์จะยิ่งทำงานหนัก ส่งผลให้กินไฟมากขึ้น

แล้วจะต้องเปิดแอร์กี่องศาถึงจะช่วยประหยัดไฟ? วิธีที่ถูกต้องคือควรตั้งอุณหภูมิที่ 25-27 องศาตั้งแต่แรก และหากต้องการให้อากาศเย็นกระจายทั่วห้องเร็วขึ้น ให้ปรับความเร็วพัดลมให้สูงขึ้นแทน ซึ่งจะช่วยประหยัดไฟได้มากกว่า 10-15% เมื่อเทียบกับการตั้งอุณหภูมิต่ำ ๆ

2. หลีกเลี่ยงการเปิด-ปิดแอร์บ่อยเกินไป

หลายคนมีความเข้าใจผิดว่า การปิดแอร์เมื่อไม่อยู่ห้องแล้วเปิดใหม่เมื่อกลับมาจะช่วยประหยัดไฟ แต่ความจริงแล้ว ช่วงเริ่มต้นของการทำงานของคอมเพรสเซอร์จะใช้พลังงานสูงที่สุด คิดเป็น 3-5 เท่าของการทำงานปกติ ดังนั้น หากคุณออกจากห้องไปไม่นาน ประมาณ 2-3 ชั่วโมง และจะกลับมาใช้ห้องอีก การเปิดแอร์ทิ้งไว้โดยปรับอุณหภูมิให้สูงขึ้น 2-3 องศาจะช่วยประหยัดไฟมากกว่า อีกทั้งการเปิดปิดแอร์บ่อย ๆ ยังทำให้ชิ้นส่วนภายในสึกหรอเร็วขึ้น ลดอายุการใช้งานของเครื่อง และเพิ่มค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงในระยะยาว ผู้ผลิตแอร์และช่างแอร์ต่างแนะนำให้หลีกเลี่ยงการเปิดปิดแอร์มากกว่า 6 ครั้งต่อวัน

3. เปิดแอร์ที่อุณหภูมิ 25-27 องศา

เปิดแอร์กี่องศาถึงประหยัดไฟ? โดยอุณหภูมิที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการเปิดแอร์ให้ประหยัดไฟอยู่ที่ 25-27 องศา ซึ่งเป็นช่วงที่สมดุลระหว่างความเย็นสบายและการประหยัดพลังงาน จากการศึกษาพบว่าการลดอุณหภูมิลง 1 องศาจะเพิ่มการใช้พลังงานขึ้นประมาณ 5-10% โดยเฉลี่ย นั่นหมายความว่าการตั้งอุณหภูมิที่ 23 องศาแทน 25 องศา จะทำให้ใช้ไฟเพิ่มขึ้นถึง 10-20% ต่อเดือน 

หากคุณรู้สึกว่าอุณหภูมิ 25-27 องศายังไม่เย็นพอ ให้เปิดพัดลมเพดานหรือพัดลมตั้งพื้นร่วมด้วยแทนที่จะลดอุณหภูมิลง เพราะสามารถช่วยกระจายความเย็นและสร้างการไหลเวียนของอากาศ ทำให้รู้สึกเย็นขึ้นโดยที่แอร์ไม่ต้องทำงานหนักขึ้น พัดลมใช้ไฟน้อยกว่าการลดอุณหภูมิแอร์มาก

4. ทำความสะอาดแอร์อย่างสม่ำเสมอ

เมื่อแอร์ถูกใช้งานมาเป็นระยะเวลานาน มักจะมีสิ่งสกปรก เช่น ฝุ่น, เชื้อโรค, แบคทีเรีย และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วมีประสิทธิภาพในการทำให้ความเย็นจากแอร์ลดลงอย่างมาก ฝุ่นและสิ่งสกปรกที่สะสมบนแผงกรองอากาศ และคอยล์เย็นจะถูกขัดขวางการไหลของอากาศ ทำให้เครื่องต้องทำงานหนักและใช้พลังงานมากขึ้นถึง 15-30% ควรทำความสะอาดฟิลเตอร์อย่างน้อยเดือนละครั้ง หรือบ่อยกว่านั้นหากใช้งานในพื้นที่ที่มีฝุ่นมาก 

นอกจากนี้ เรายังควรล้างแอร์บ้านโดยช่างแอร์มืออาชีพทุก 3-6 เดือน เพราะการบำรุงรักษาแอร์ไม่เพียงช่วยประหยัดค่าไฟ แต่ยังช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องแอร์ ลดความเสี่ยงต่อการเกิดน้ำหยด และปัญหาคุณภาพอากาศภายในบ้านอีกด้วย

5. ปิดแหล่งความร้อนในห้อง

ความร้อนและความชื้นเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้แอร์ต้องทำงานหนัก เมื่อห้องมีแหล่งความร้อนหรือความชื้นมากขึ้น แอร์จึงต้องใช้พลังงานมากขึ้นเพื่อรักษาอุณหภูมิภายในห้อง ควรหลีกเลี่ยงการใช้อุปกรณ์ที่ก่อให้เกิดความร้อนในห้องที่เปิดแอร์ เช่น กาต้มน้ำ, เครื่องปิ้งขนมปัง, เตารีด, เตาไฟฟ้า หรือเครื่องเป่าผม รวมถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ เช่น คอมพิวเตอร์ ทีวี และหลอดไฟโดยเฉพาะหลอดไส้ เพราะอุปกรณ์เหล่านี้ทั้งเพิ่มความร้อนภายในห้องและยังเป็นการใช้ไฟฟ้าซ้ำซ้อนอีกด้วย 

6. ระบายความร้อนออกจากห้องก่อนเปิดแอร์

ก่อนเปิดแอร์ควรเปิดหน้าต่างและประตูเพื่อระบายอากาศร้อนที่สะสมในห้อง โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศภายนอกเย็นกว่าภายในห้อง เช่น ช่วงเช้าหรือเย็น โดยการระบายความร้อนออกไปก่อนจะช่วยลดภาระของแอร์ในการลดอุณหภูมิห้อง เพราะการระบายอากาศเพียง 5-10 นาทีก่อนเปิดแอร์ก็สามารถลดการใช้ไฟฟ้าในช่วงแรกของการทำงานได้ถึง 20% และข้อสงสัยที่หลายคนอยากรู้ว่าเปิดแอร์กี่ชั่วโมงถึงจะประหยัดค่าไฟมีคำตอบคือควรเปิดแอร์อย่างน้อย 4 ชั่วโมง เนื่องจากการเปิดปิดแอร์บ่อย ๆ จะทำให้คอมเพรสเซอร์ต้องทำงานหนักขึ้นในช่วงเริ่มต้น ซึ่งกินไฟมากกว่าการเปิดทิ้งไว้ต่อเนื่อง 

7. ปิดประตูหน้าต่างให้สนิทขณะเปิดแอร์

การที่ความเย็นของแอร์ไหลออกจากห้องเป็นสาเหตุใหญ่ที่ทำให้สิ้นเปลืองพลังงาน ห้องที่มีอากาศรั่วไหลจะทำให้แอร์ต้องทำงานตลอดเวลา เนื่องจากความเย็นถูกแทนที่ด้วยอากาศร้อนจากภายนอกอย่างต่อเนื่อง ควรตรวจสอบว่าประตูและหน้าต่างปิดสนิท ไม่มีช่องว่างให้อากาศรั่วไหลได้ โดยเฉพาะบริเวณขอบประตู หน้าต่าง และจุดที่มีท่อหรือสายไฟเดินผ่าน อาจใช้ซีลยางหรือวัสดุกันรั่วเพื่อปิดช่องว่างนั้น ก็เป็นวิธีที่ถูกต้องในการรักษาอุณหภูมิภายในห้องด้วยเหมือนกัน ช่วยให้แอร์ทำงานไม่หนักจนเกินไป

8. ใช้ฟังก์ชันตั้งเวลาให้เป็นประโยชน์

แอร์รุ่นใหม่ส่วนใหญ่แล้วมีฟังก์ชันตั้งเวลาที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการเปิดแอร์แบบประหยัดไฟ การตั้งเวลาปิดแอร์ล่วงหน้า 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมงก่อนออกจากห้องหรือก่อนนอนเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากความเย็นจะยังคงอยู่ในห้องอีกระยะหนึ่ง ทำให้ไม่รู้สึกถึงความแตกต่างในช่วงเวลาดังกล่าว แต่สามารถประหยัดค่าไฟได้เดือนละหลายร้อยบาท 

รวมถึงควรใช้โหมดประหยัดพลังงานอย่าง ECO Mode หรือโหมดการนอนหลับ Sleep Mode ที่มาพร้อมกับแอร์รุ่นใหม่ ๆ ฟังก์ชันเหล่านี้จะควบคุมอุณหภูมิให้เพิ่มขึ้นทีละน้อยในระหว่างคืน สอดคล้องกับการลดลงของอุณหภูมิร่างกายในขณะนอนหลับ ช่วยให้ประหยัดพลังงานได้โดยที่ไม่กระทบต่อคุณภาพการนอน

9. เลือกขนาดแอร์ให้เหมาะกับห้อง

ขนาดแอร์ที่ไม่เหมาะสมกับขนาดห้องเป็นสาเหตุหลักของการสิ้นเปลืองพลังงาน หากแอร์มีขนาดเล็กเกินไป หรือ BTU ต่ำเกินไป จะทำให้เครื่องต้องทำงานตลอดเวลาโดยไม่สามารถทำความเย็นได้ตามที่ต้องการ ส่งผลให้สิ้นเปลืองพลังงานและเสื่อมสภาพเร็ว ในทางกลับกัน หากแอร์มีขนาดใหญ่เกินไป จะทำความเย็นได้เร็วแต่ไม่สามารถลดความชื้นได้อย่างเต็มที่ ทำให้รู้สึกเย็นแต่อากาศชื้นมากขึ้น และเปลืองไฟโดยไม่จำเป็น 

การคำนวณขนาด BTU ที่เหมาะสมทำได้โดยคำนวณพื้นที่ห้องเป็นตารางเมตร คูณด้วย 350-400 สำหรับห้องทั่วไป หรือ 450-600 สำหรับห้องที่ได้รับแสงแดดมาก มีเพดานสูง หรือมีคนอยู่อาศัยหลายคน ตัวอย่างเช่น ห้องขนาด 20 ตารางเมตรที่ไม่โดนแดดโดยตรงควรใช้แอร์ขนาดประมาณ 7,000-8,000 BTU จะช่วยให้การเปิดแอร์ให้ประหยัดทั้งพลังงานและค่าไฟ

10. ติดตั้งโซลาร์เซลล์ช่วยประหยัดค่าไฟ

การติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์เป็นวิธีที่ช่วยลดค่าไฟในระยะยาวได้จริง โดยเฉพาะสำหรับบ้านที่ต้องเปิดแอร์เป็นเวลานานหรือเปิดแอร์ทั้งวันทั้งคืนมีค่าไฟค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนสูง ระบบโซลาร์เซลล์สามารถผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ซึ่งเป็นพลังงานสะอาดและฟรี โดยสามารถติดตั้งได้หลายรูปแบบ โดยรูปแบบที่นิยมที่สุดติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ที่เชื่อมต่อกับระบบไฟฟ้าของการไฟฟ้า ข้อดีคือสามารถใช้ไฟฟ้าจากทั้งสองแหล่งและหากผลิตไฟฟ้าได้มากเกินความต้องการก็สามารถขายคืนให้การไฟฟ้าได้ 

แม้ว่าการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์จะมีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นสูง อยู่ที่ประมาณ 100,000-300,000 บาทสำหรับบ้านทั่วไป แต่จะคุ้มทุนภายใน 5-7 ปี และมีอายุการใช้งานมากกว่า 25 ปี ทำให้ประหยัดค่าไฟได้มากในระยะยาว และยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอีกด้วย


บริการล้างแอร์จาก “Q-CHANG” แอร์สะอาด ประหยัดไฟมากขึ้น

การเปิดแอร์ยังไงให้ประหยัดไฟสามารถทำได้หลายวิธี ตั้งอุณหภูมิที่ 25-26 องศาเซลเซียสซึ่งเป็นระดับที่สบายและประหยัดไฟ ปิดประตูหน้าต่างให้สนิทเพื่อป้องกันอากาศเย็นรั่วไหล ใช้ม่านหรือมู่ลี่บังแสงแดดเพื่อลดความร้อนเข้าสู่ห้อง เปิดพัดลมร่วมกับแอร์เพื่อกระจายความเย็นได้ทั่วถึง ตรวจสอบฉนวนกันความร้อนในบ้านให้อยู่ในสภาพดี และสำคัญที่สุดคือต้องทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศอย่างสม่ำเสมอ เพราะแอร์ที่สกปรกจะทำงานหนักและกินไฟมากขึ้น

บริการล้างแอร์โดยทีมช่างแอร์มืออาชีพจาก Q-CHANG พร้อมดูแลเครื่องปรับอากาศของคุณให้ทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพสูงสุด ทีมงานของเรามีประสบการณ์ในการทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศอย่างถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นแผงกรองอากาศ, คอยล์เย็น, คอยล์ร้อน และระบบระบายน้ำ ใช้น้ำยาทำความสะอาดที่มีคุณภาพและปลอดภัย ช่วยกำจัดเชื้อโรคและสิ่งสกปรกที่สะสม นอกจากจะช่วยให้แอร์ของคุณประหยัดไฟแล้ว ยังช่วยยืดอายุการใช้งานและลดค่าซ่อมบำรุงในระยะยาว